Wednesday, February 21, 2007

กาลเวลาพาสองเรามาพบเจอกัน
กาลเวลาพาเราสองคนมารักกัน
กาลเวลาพรากสองเราจากกัน
กาลเวลาพาเธอสู่ท้องฟ้ากว้างไกล
กาลเวลาจองจำฉันไว้กับภาพรัก
กาลเวลาสาปฉันให้ไร้ซึ่งหัวใจ
กาลเวลาสาปฉันให้รอคอยใครบางคน เพื่อที่จะเอาหัวใจดวงนั้น มาคืนใส่กายอันไร้วิญญาณ
เธออาจเห็นฉันเริงร่า ยิ้มแย้ม หัวเราะ ได้ตลอดเวลา เธออาจไม่รู้ว่าภายในมันเปลี่ยวเหงายิ่งนัก
เธออาจไม่รู้ว่า ฉันสนิทกับความเหงาที่โดดเดี่ยวเพียงไร
เธอคนนั้น คนที่ฉันคอย จะเป็นคนที่ผ่านเข้ามาตอนนี้หรือไม่
เธอคนนั้นจะเป็นลมหายใจของชีวิตฉันที่เหลือหรือไม่
เธอคนนั้นจะเป็นฝันสุดท้ายที่ฉันไม่อยากตื่นหรือไม่
เธอคนนั้นจะถือหัวใจของฉันที่หายไปหรือไม่
เธอคนนั้นจะช่วยคนบาปที่รอการปลดปล่อย จากดินแดนอันเดี่ยวดายและหนาวเหน็บหรือไม่
ฉันเพียงรอด้วยแรงศรัทธาแห่งรัก
โปรดรับรู้เถอะ เธอคือความหวังหนึ่งเดียวในชีวิตฉัน
เธอคนดี ที่ฉันเปิดให้เข้ามาในชีวิตฉันช่วยเข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตที่เหลือของฉัน ได้ไหมเธอ
ฉันอยากกลับมาเป็นคนที่มีหัวใจและมีรักอีกสักครั้ง

Friday, February 16, 2007

ค่ำคืนความคิด

รุ่งอรุณของวันใหม่ เป็นดั่งแสงแรกแห่งชีวิตของทุกสรรพสิ่ง แต่สำหรับมนุษย์ที่หาเช้ากินค่ำในมหานครป่าคอนกรีตเช่นตัวผมแล้ว มันช่างเป็นเวลาที่น่าเบื่อที่สุด รถติด มลพิษ ผู้คนต่างรีบร้อนแข่งขันกับเวลาอันยิ่งใหญ่ โดยเราต่างลืมระดับห่วงโซ่ความสัมพันธ์ของทุกชีวิต จนเรากำลังจะกลายเป็นเพียงสังคมหุ่นยนต์
ในที่ทำงานบนตึกสูง ผมนั่งจมปรักอยู่กับหน้าจอ มือแน่นิ่งแช่อยู่บนแป้นพิมพ์ สายตาจดจ้องอยู่กับรูปที่เพื่อนสมัยเรียนส่งมาให้ทางจดหมายไฟฟ้า มันเป็นรูปที่เพื่อนผมนั่งอาบแสงแดดอุ่นๆ บนดอยม่อนจองและมีข้อความแนบมาด้วย
“ เรายังแข่งขันกับอะไร เรายังไขว่ขว้าถึงสิ่งใด ลองให้เวลากับตัวเองและกลับคืนสู่อ้อมอกอันยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ การเกิด, การแก่, การเจ็บ, การตาย แล้วมึงจะอยู่อีกนานเท่าไรว่ะ? ”
ผมรู้วันเกิดของผม ถึงกระนั้นผมก็ไม่สามารถที่จะตอบคำถามนั้นได้ แต่ผมก็มั่นใจว่าจะต้องตายไม่ในปีที่มี 365 วัน หรือไม่ก็มี 366 วัน เป็นแน่แท้ เลิกงานเย็นวันนั้น ผมกลับบ้านและเก็บของขึ้นรถไฟสายเหนือเที่ยวเวลา 19.40 น. ลงสุดสาย....ต่อรถไปอาเขตเพื่อขึ้นรถเมล์ไปยังอำเภอที่เวลาแทบจะหยุดเดิน -อำเภอปาย - ในครั้งสมัยเรียน ผมเคยมาเที่ยวที่อำเภอเล็ก ๆ แห่งนี้ วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนที่นี้ ช่างเรียบง่ายและอบอุ่น แต่ปัจจุบันเมื่อมีฝรั่งตาน้ำข้าวเข้ามามากขึ้น และสิ่งอำนวยความสะดวกก็มีหลากหลายเพิ่มขึ้น นั่นย่อมทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมาสู่ปายแน่นอน ผมเลือกพักริมน้ำปาย อากาศยามปลายฝนต้นหนาวถือว่าดีมาก ปายยามนี้ก็สวยไปอีกแบบ สำหรับตัวผมไม่แน่ใจว่า ที่บางคนบอกว่าปายนั้นมีเวลาหยุดนิ่ง ผมคิดว่าอาจมาจากสาเหตุที่พวกเขาเหล่านั้น ได้ดูปุ๊นกันอย่างเมามันส์ เพราะที่ปายเป็นแหล่งรวมของเหล่าบรรดาศิลปินที่นิยมโลกส่วนตัวของพวกเขา
ยามค่ำคืนผมออกมานอนดูดวงดาวบนฟากฟ้า ตัวผมช่างเล็กกระจ้อยร่อยเสียเหลือเกินเมื่อเทียบเคียงกับระบบเอกภพแห่งนี้ ตคนเราหรือปัญหาของเราเป็นเพียงฝุ่นเถ้าธุลีแค่นั้นเอง คิดได้อย่างนี้รู้สึกจิตใจสงบขึ้นเยอะทีเดียว ได้หยุดคิดในเรื่องต่างๆ ที่ผ่านเข้ามากระทบกับชีวิตของผม ทั้งที่รุนแรงราวพายุและสงบนิ่งดั่งภูผาหิน
อยู่ๆ ผมก็นึกขึ้นได้ว่า มีครั้งหนึ่งที่ผมได้เดินทางขึ้นเขาใหญ่กับเพื่อนอีก 3 คน เราไปกันตอนหน้าฝน โดนทั้งปลิงทั้งทากถาโถมเข้าใส่อย่างกับว่าพวกมันโกรธแค้นพวกเรามาหลายชาติ ได้พูดคุยกับคนที่มาเขาใหญ่หลายๆ แบบ ทั้งแบบฉาบฉวย ทั้งแบบดื่มด่ำธรรมชาติ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นแบบฉาบฉวยซะมากกว่า ครั้งนั้นมีเพื่อนมาชวนผมไปขี่จักรยานแข่งขันกัน ผมปฏิเสธการแข่งขันไป แต่มีเพื่อนบางคนที่มีพ่อเป็นนักปั่นน่องเหล็กกลับคิดว่าผมไม่กล้าสู้, กลัวแพ้, แพ้แล้วกลัวโดนเพื่อนล้อ และผมคิดว่าเขาก็คงเก่งพอตัวทีเดียว ที่จริงแล้วไม่ใช่ว่าผม, ไม่กล้าสู้, ไม่ใช่ว่ากลัวแพ้ ไม่ใช่ว่าผมแพ้แล้วกลัวเพื่อนจะล้อ นี้ผมดั้นด้นถ่อเดินทางมาหาที่สงบ ปราศจากการแข่งขันต่างๆ ทั้งทางด้านเงินทอง, ยศ, บารมี, อำนาจ แต่กลับต้องมาเจอการแข่งขันอีก ผมขี่จักรยานมาตั้งแต่ประถม ขี่เสือภูเขาตอนขึ้นมัธยมทั้งแบบครอสคันทรี่ หรือแบบดาวน์ฮิล ผมชอบจักรยานแบบฟลูซับเทนชั่นนะ ตอนนั้นวงการเสือภูเขายังไม่โด่งดัง ผมไม่ได้ต้องการเอาชนะใครเลย เพราะว่าการชนะนั้น ส่วนใหญ่แล้วจะไม่เป็นการสร้างน้ำมิตร หากว่าเราชนะเรื่อยๆ เราก็จะลืมรสชาติแห่งความพ่ายแพ้ไป และเมื่อเราพบความพ่ายแพ้ เราก็ไม่สามารถที่จะทนรับสภาพนั้นได้ ผมอยากที่จะแข่งขันกับจิตใจของผมเองมากกว่าที่จะแข่งขันกับใคร ผมอยากจะเอาชนะสิ่งยั่วยุจากสังคมเมืองที่เข้ามากระทบจิตใจของผมเอง ถึงตอนนี้ผมก็ยังรู้สึกดีที่ไม่ได้แข่งขันกับใครไม่ว่าจะเรื่องของหน้าที่การงาน ความรัก ฐานะทางสังคมที่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนแบ่งชนชั้น
เวลาที่ปายช่างก้าวเดินอย่างเชื่องช้า ทำให้เรามีเวลาให้กับตัวเอง มีเวลาสัมผัสกับวิถีชีวิต ศิลปวัฒนธรรม และที่สุดอย่างยิ่งแล้วทำให้ผมได้สัมผัสกับอำนาจอันยิ่งใหญ่ที่มีต่อสรรพสิ่งในโลกบ้วมๆ ใบนี้ ธรรมชาติให้อะไรเรามากมายมหาศาล แต่เรากับเรียกร้องสิ่งต่างๆ นอกเหนือที่ธรรมชาติกำหนด เราดีแต่จะเฝ้าคอยฉกฉวยผลประโยชน์ แก่งแย่งผลประโยชน์กันเองอีก ทั้งยังทำลายสิ่งที่ธรรมชาติสร้างมาให้เรา มนุษย์เราช่างเป็นสัตว์โลกที่เห็นแก่ตัว ไม่ฆ่าเพื่อการดำรงชีวิต แต่ฆ่าเพื่อความนุก ฆ่าเพื่อเป็นกีฬา
นอนดูดาวเพลินจนรู้สึกว่าร่างกายจะแข็งตาย ตอนนี้น่าจะได้เวลานอนได้แล้วแล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าเพื่อดื่มอากาศอันแสนบริสุทธิ์และไปเดินดูผู้คนในตลาดเช้าพร้อมกับลิ้มรสกาแฟอุ่นๆ ที่หาไม่ได้ในเมืองหลวงอันศิวิไลซ์ รู้สึกว่าการได้มาอยู่ในอ้อมกอดของธรรมชาติจะทำให้ผมอยากมีชีวิตอยู่แบบพอเพียงที่จะเลี้ยงตนเองได้ ผมชักไม่อยากกลับเข้าไปทำงานที่บางกอกแล้วสิ อาจจะต้องถึงเวลาที่จะย้ายออกจากดินแดนพิศวงมาสู่ดินแดนแห่งธรรมชาติแทน แล้วคุณล่ะคิดว่าถ้าคุณเป็นผมคุณจะเลือกแบบไหนดี?..........

เฝ้ารอ..........เฝ้าคอย

ท่ามกลางอากาศอันแสนเปล่าเปลี่ยว ผู้คนมากมายเดินเลยผ่านตัวฉันไปหลากหลายผู้คนร้อยล้านเรื่องราวเรียงร้อยรวมกันจนเป็นความสัมพันธ์ตัวเราเองก็มีหลายหลากเรื่องราวส่วนใหญ่ความเหงาจะเข้ามาครอบคลุมเส้นทางที่เลือกเดินล้วนเปลี่ยวเปล่าเหนื่อยล้า อ่อนแรง สับสน ไร้ซึ่งกำลังใจความหนาวแสนเยือกเย็นรุกเร้าเข้าจับจิตเดินผ่านผู้คนเคียงคู่อิงแอบแนบชิดกันหันมองข้างกายตัวเองอีกครึ่งหนึ่งของจิตใจขาดหายไปเคยลองหาชิ้นส่วนของจิตใจที่ขาดหายไปแต่ชิ้นส่วนเหล่านั้นไม่อาจจะพอดีกับใจเราจนเหลือเพียงเศษซากจิตใจที่เกือบแตกดับช่วงเวลาได้สั่งสอนให้รู้ว่ารักเป็นเช่นไรจิตใจที่ว้าเหว่เลือกเดินไปบนเส้นทางที่สับสนเฝ้ารอเพียงพบสบตากับส่วนที่ขาดอาจใช้เวลาเฝ้าติดตามค้นหาทั้งชีวิตก็ยังดีกว่าไม่เคยได้ลองค้นหาอาจจะเหนื่อยล้าไร้เรี่ยวแรงและคำดูหมิ่นสู้ทนเดินต่อไปกับเส้นทางที่เลือกเดินรอคอยโอกาสและเวลาให้สรรสร้างเรื่องมหัศจรรย์.....


วันสุดท้ายที่ฉันจะเดินทางเพียงลำพังคือวันใดวันที่ฉันตื่นมาพบกับคนที่นอนเคียงข้างวันสดใสที่ฉันจะได้มอบดอกไม้ให้ในวันพิเศษวันที่อ่อนล้ากลับมาแล้วเห็นเธอยืนคอยเติมเรี่ยวแรงให้กันวันที่ฉันพร้อมสละทุกอย่างเพียงเพื่อให้อยู่เคียงใจ


คนที่ฉันจะคอยให้เกียรติไปตลอดคนที่ฉันจะมอบศักดิ์ศรีที่มีให้ดูแลคนที่ฉันจะมอบความฝันให้ร่วมสร้างคนที่ฉันจะมอบห้วงจังหวะชีวิตให้คนที่ฉันจะมอบพรทุกอย่างของฉันคนที่ฉันจะมอบความสุขของฉันคนที่ฉันจะมอบภาพรักให้จินตนาการคนที่ฉันจะมอบดอกไม้และรอยยิ้มคนที่ฉันจะมอบทุกฤดูกาลให้สัมผัสคนที่ฉันจะมอบจิตใจและวิญญาณคนที่ฉันจะมอบไหล่ให้แอบอิงคนที่ฉันจะมอบอ้อมกอดให้อบอุ่น
.......................
..............
......
คนคนนั้นที่ฉันจะมอบทุกสิ่งอยู่หนแห่งใด

Pursuit of happyress

Pursuit of happyress
Don't ever let somebody tell you,
you can't do something,
you get a dream,
you gotta protect it
If you want something,
go get it
-Pursuit of happyress

อย่ายอมให้ใครมาบอกคุณว่า
คุณไม่สามารถทำสิ่งนั้นได้
คุณมีความฝันและคุณต้องปกป้องมัน
ถ้าคุณฝันอยากได้อะไร
ต้องไขว่คว้ามันมาให้ได้

- นสพ ไทยรัฐ ฉบับวันอาทิตย์ที่ 11/02/2007

ตัวจริงหรือแค่เหงา

เธอมองฉันเป็นตัวจริงหรือแค่เหงา
หลายครั้งที่เกิดคำถามว่าตอนนี้ฉันเป็นสุขจริงหรือเปล่าเมื่อคนมาถามเรื่องราวระหว่างเราได้แต่ตอบไปว่าดีแต่ลึกๆไม่แน่ใจเหมือนกัน ภาพที่เห็นดูผูกพันธ์ที่คนนอกมองกันว่าดี ชื่นชมกันว่าดีแต่ใจยังเต็มไปด้วยคำถาม

เธอมองฉันเป็นตัวจริงที่หากันมานานหรือคบฉันหนีความเดียวดาย แค่มีกันไว้เผื่อเหงาไว้เผื่อได้โทรหา เผื่อไม่มีอะไรให้ทำเธอมองฉันมาเติมเต็มอีกครึ่งในใจหรือแค่คบไว้ไปวันๆ อยากให้เธอลองมองหน้ากันบอกให้แน่ใจ เธอตีความคำว่ารักไว้ยังไง

บ่อยครั้งนะฉันก็ยังเหงา ต่อให้เรานั้นยังจับมือเหมือนเก่าแต่เนิ่นนานยิ่งเหมือนคุยกันไปไม่ได้ยาวเธอก็เบื่อที่จะฟังแต่ลึกๆมันก็มีน้อยใจ และฉันนั้นไม่เข้าใจกับคำว่ารักที่ให้กันรักนั้นคืออะไร เหตุใดภายในใจยังอ้างว้าง

เธอมองฉันเป็นตัวจริงที่หากันมานานหรือคบฉันหนีความเดียวดาย แค่มีกันไว้เผื่อเหงาไว้เผื่อได้โทรหา เผื่อไม่มีอะไรให้ทำเธอมองฉันมาเติมเต็มอีกครึ่งในใจหรือแค่คบไว้ไปวันๆ อยากให้เธอลองมองหน้ากันบอกให้แน่ใจ เธอตีความคำว่ารักไว้ยังไง

เธอมองฉันมาเติมเต็มอีกครึ่งในใจหรือแค่คบไว้ไปวันๆ อยากให้เธอลองมองหน้ากันบอกให้แน่ใจ เธอตีความคำว่ารักไว้ยังไง


ครั้งแรกที่ได้ฟังเพลงนี้ ฉันรู้สึกถูกดึงเข้าไปอยู่ในเพลงนี้
อาจเพราะว่าฉันเคยมีประสบการณ์เหมือนกับในเพลง
ความรักที่เคยเกิดขึ้นกับฉัน ในครั้งนั้น............
แม้ว่าฉันจะรักเธอทั้งหมดของหัวใจ
ฉันพร้อมที่จะทำทุกอย่างเท่าที่ชายธรรมดาคนหนึ่งจะทำได้
ฉันคิดว่าเธอคือตัวจริงที่ฉันฝันมานาน แต่สำหรับเธอ ฉันก็แค่คนที่เธอใช้แก้เหงา
ในยามที่เธอไม่มีใคร ยามที่เธอมีใรหลายคนเข้ามา เธอก็ยังเก็บฉันไว้
เพียงเพื่อช่วยปลอบใจเธอในยามที่เธอท้อแท้สิ้นหวังเงียบเหงาอยู่คนเดียว

แล้วความรักครั้งใหม่ของฉัน จะเป็นเช่นไรนั้น ไม่มีใครจะตอบได้
มีเพียงเวลาและหัวใจของฉันและเธอคนนั้นที่เข้าใจฉันเท่านั้น

I was born to love you

I was born to love you ฉันเกิดมาเพื่อที่จะรักเพียงเธอ
With every single beat of my heart และด้วยทุกลมหายใจที่มีของฉัน
Yes, I was born to take care of you ใช่ที่รัก ฉันเกิดมาเพื่อที่จะดูแลเพียงเธอเท่านั้น Every single day... ทุกทุกคืนวันที่ฉันมี

I was born to love you ฉันเกิดมาเพื่อที่จะรักเพียงเธอ With every single beat of my heart และด้วยทุกลมหายใจที่มีของฉัน Yes, I was born to take care of you ใช่ที่รัก ฉันเกิดมาเพื่อที่จะดูแลเพียงเธอเท่านั้น Every single day of my life ทุกทุกคืนวันที่ฉันสามารถจะมีลมหายใจ

You are the one for me ที่รัก เธอคือคนนั้นที่ฉันตามหามาแสนนาน I am the man for you และฉันก็จะเป็นของเธอเท่านั้น You were made for me เธอนั้นถูกสร้างมาสำหรับฉัน You're my ecstasy เธอผู้ซึ่งนำความสุขอันยิ่งใหญ่มาสู่ฉัน
If I was given every opportunity หากชีวิตฉันได้รับโอกาสวิเศษอันใด
I'd kill for your love ฉันนั้นพร้อมที่จะละทิ้งมัน เพื่อได้มาซึ่งรักของเธอ

So take a chance with me เธอที่รัก ขอโอกาสให้กับฉันได้ไหมเธอ Let me romance with you ให้ฉันสามารถจิตนาการความรักนั้นกับเธอได้ไหม
I'm caught in a dream หรือฉันเพียงคว้ามันได้แต่ความฝัน And my dream's come true และฉันหวังให้ฝันนั้นเป็นจริง
It's so hard to believe มันยากนัก ที่จะสามารถเชื่อ This is happening to me ว่ามันจะเกิดขึ้นจริงกับชีวิตฉัน An amazing feeling มันคือความรู้สึกที่สุดแสนมหัศจรรย์ Coming through ซึ่งกำลังก้าวย่างเข้ามาสู่ฉัน

I wanna love you ฉันปรารถนาที่จะรักเพียงแค่เธอเท่านั้น I love every little thing about you ที่รัก ฉันรักทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกความคิดที่เป็นของเธอ
I wanna love you, love you, love you ฉันปรารถนาที่จะรักเพียงแค่เธอเท่านั้น รัก รัก รักเพียงเธอ Born - to love you เกิดมา เพื่อที่จะรักเพียงธอ
Born - to love you เกิดมา เพื่อที่จะรักเพียงธอ Yes I was born to love you ใช่ที่รัก ฉันเกิดมา เพื่อที่จะรักเพียงธอ
Born - to love you เกิดมา เพื่อที่จะรักเพียงธอ Born - to love you เกิดมา เพื่อที่จะรักเพียงธอ
Every single day - of my life ทุกค่ำคืนทุกกาลเวลาของชีวิตฉัน มอบให้เธอ An amazing feeling มันคือความรู้สึกที่สุดแสนมหัศจรรย์
Comin' through ซึ่งกำลังก้าวย่างเข้ามาสู่ฉัน

Yes I was born to love you ใช่ที่รัก ฉันเกิดมา เพื่อที่จะรักเพียงเธอ Every single day of my life ทุกค่ำคืนทุกกาลเวลาของชีวิตฉัน มอบให้เธอ

Go, I love you babe ฉันรักเธอ คนดีของฉัน Yes, I was born to love you ใช่ที่รัก ฉันเกิดมา เพื่อที่จะรักเพียงธอ I wanna love you, love you, love you ฉันปรารถนาที่จะรักเพียงแค่เธอเท่านั้น รัก รัก รักเพียงเธอ
I wanna love you ฉันปรารถนาที่จะรักเพียงแค่เธอเท่านั้น
I get so lonely, lonely, lonely ฉันเหงา เดียวดาย และก็แสนเหงา
Yeah, I want to love you ใช่ ที่รัก ฉันปรารถนาที่จะรักเพียงแค่เธอเท่านั้น Yeah, give it to me ใช่ ที่รัก โปรดมอบความรักของเธอให้ฉันได้ดูแลเถอะ


I Was Born To Love You (by Freddie Mercury) By Queen

วันนี้ทำไมท้องฟ้าและอากาศยามเช้าถึงได้สดใส ราวกลับว่ากำลังล้อเล่นกับความคิดของผมที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวลและกลัวกับการสูญเสียสิ่งดีดีไปตลอด
ผมเขียนจดหมายฉบับนี้ขึ้นมา เนื่องจากบางทีตัวอักษรอธิบายอะไรได้มากกว่าคำพูด แต่ก็เพราะเพียงอยากจะบอกกับคุณว่า “ผมชอบคุณ” การที่ผมบอกว่าชอบคุณ ไม่ใช่ว่าอยู่ดีดี แล้วผมจะชอบคุณขึ้นมาเลย คุณอาจจะมองว่าผมเหมือนกับมนุษย์ผู้ชายคนอื่นๆ ที่เริ่มชอบมนุษย์ผู้หญิงจากร้อยแล้วลดลงเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป แต่ผมกลับชอบคุณจากศูนย์แล้วค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้สิ่งเหล่านี้ล้นออกมา มีบางคนบอกว่ามันเหมือนกับความรักที่เกิดขึ้นของผู้หญิงก็เป็นได้ ผมก็อยากบอกให้รู้ว่า ผมก็เป็นเพียงคนหนึ่งที่หวังดีและห่วงใยคุณ อาจจะไม่เท่ากับพ่อแม่คุณ แต่ก็เกินกว่าที่คนธรรมดาจะมีให้ ตลิดเวลาที่เราคุยกันมา อาจจะคิดว่าสิ่งที่ผมทำและความคิดของผมนั้น มันบ้าบอคอแตก แต่นั้นก็เป็นสิ่งที่ผมเป็น ผมไม่ใช่คนบริโภควัตถุนิยม
ตอนนี้สำหรับผมมันเปลี่ยนไปแล้วสำหรับคำว่าเพื่อนที่เคยบอกกันไว้ คุณอาจไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยนแปลงสถานะภาพมันเลยก็ได้ แต่ผมไม่สามารถห้ามความคิดนี้ได้ ผมมีสิทธิและอิสระที่จะคิดใช่ไหม? ความคิดของผมมันกลับมาก่อร่างสร้างตัวจนแปรเปลี่ยนกลายเป็นความรักและมาแทนคำว่าเพื่อน คือมันเตะเอาคำว่าเพื่อนไปไกลแล้ว ความรักของผมมีแต่มอบออกไปให้คุณ แต่ไมได้หวังผลกลับมาแต่อย่างใด ผมอาจจะเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้า อาจไม่มีซึ่งความหมายอะไรเลยสำหรับคุณ อาจจะเป็นแค่คนๆ หนึ่งที่บังเอิญผ่านเข้ามาในชีวิตคุณและเป็นเพียงแค่เพื่อนร่วมโลกคนหนึ่ง คุณรู้ไหมว่า ตอนนี้คุณกลับกลายเป็นโลกทั้งใบของผม คล้ายกับว่าคุณคือดวงดาวแห่งการนำทาง สำหรับนักเดินทางอย่างผม ผมไม่ใช่คนที่พูดเก่ง ผมไม่ใช่คนรูปหล่อ ไม่ใช่คนเก่ง ไม่ใช่คนที่ดีพร้อมไปทุกอย่าง ผมเป็นแค่คนธรรมดาเดินดินและเดินเพียงลำพัง แต่ตอนนี้ผมได้เปิดประตูให้ความรักผ่านเข้ามาในหัวใจของผมอีกครั้ง แล้วคุณล่ะ? เป็นอย่างไร
อยากให้คุณรู้ว่า คุณจะไม่ใช่อดีตของผม เพราะผมไม่สนใจอดีตทั้งของผมและของคุณ แต่คุณจะเป็นเช่นปัจจุบัน และก็ดั่งอนาคตให้ผมก้าวเดินไปข้างหน้า แม้ว่าอาจจะต้องเดินไปเพียงลำพัง มันไม่มีเหตุผลอะไรที่จะบอกกับคุณว่า ทำไมผมจึงคิดว่า “ผมรักคุณ” เพราะว่าความรักของผมไม่มีซึ่งเหตุผล ไม่มีสิ่งที่คนเรากำหนดว่าอะไรถูกและอะไรผิด มีเพียงความห่วงใย ความหวังดี และความจริงใจสำหรับคุณเพียงคนเดียว คุณอาจไม่เชื่อสิ่งที่กล่าวมา เพราะทุกสิ่งล้วนขึ้นอยู่กับเวลาที่เราทั้งคู่มีเท่ากัน อย่างน้อยผมก็มีอะไรที่เหมือนกันกับคุณอย่างหนึ่งแล้ว
สิ่งที่ผมบอกกล่าวมาในข้อความนี้ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาเอง ผมพยายามห้ามใจแล้ว แต่ผมก็ต้องปล่อยไปตามหัวใจที่ก้องร้องออกมา คุณจะตัดสินใจอย่างไรนั้นก็สุดแล้วแต่ใจคุณ คุณอาจจะเลิกคุยกับผมไปตลอด คุณอาจจะมีคนจับจองหัวใจอยู่แล้ว นั้นคือสิ่งที่ผมน่าจะรู้อยู่แล้ว แต่ผมยังกล้าไปบอกกับคุณอีก ผมยอมรับในการตัดสินใจของคุณเสมอ ถ้าคุณไม่ได้คิดอะไร ก็ขอให้ข้อความต่างๆ ที่ได้อ่านมาเป็นเสมือนข้อความทั่วๆไป ที่คุณแค่อ่านผ่านๆ ตาไปเท่านั้น
ขอบคุณสำหรับสิ่งดีดี มิตรภาพ ความทรงจำที่มีให้กัน หลังจากนี้ไปสิ่งต่างๆ เหล่านี้มันอาจจะสูญสิ้นไปแล้วก็ได้สำหรับผมนั้นไม่กลัวความสูญเสียอีกแล้ว เพราะผมเลือกที่จะบอกและยอมรับที่จะสูญเสียสิ่งเหล่านี้ไปพร้อมกับคุณ แต่อย่างน้อยสิ่งเหล่านี้จะยังคงอยู่ในจิตใจของผมไปตลอด ในฐานะส่วนเติมเต็มของจิตใจผม ผมยินดีที่จะรัก และเต็มใจที่จะสูญเสียรักนั้นไป